วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดที่ 3
1.นศ.ได้ประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันอะไรบ้าง จงบอกชื่อเว็ปไซด์หรือโปรแกรมที่เข้าไปใช้บริการในอินเทอร์เน็ตนั้นประกอบ
  • http://www.siamsport.com - เพื่อดูข่าวกีฬาที่ชื่นชอบ คือฟุตบอล ข่าวของนักเตะ
  • http://www.google.co.th - ค้นคว้าข้อมูลเพื่อศึกษาเรื่องต่าง ๆ
  • http://www.chulabook.com - สั่งหนังสือ/ดูหนังสือที่เหมาะกับการเรียน
  • http://www.rmutt.ac.th/ - ดูข่าวสารทางมหาวิทยาลัย
  • http://www.hotmail.com - ดูข่าวสาร/ส่งอีเมลล์

2. ให้นศ.หาข่าวที่เกี่ยวข่าวกับการใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางที่ผิดมา 1 ข่าว

เว็บเถื่อนจีนแหล่งรวมเซ็กซ์-ยา-การค้าผิดกฎหมาย แม้ว่าขณะนี้จะมีชาวเว็บมากกว่า 30,000 คนที่เข้ามาตระเวนตรวจหาเว็บเถื่อนในจีนและทำการสกัดกั้นอยู่อย่างแข็งขัน แต่ก็ไม่อาจยับยั้งเว็บไซต์ผิดกฎหมายประเภทต่างๆในจีนได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่มัวแต่ลบถ้อยคำ เช่น “สิทธิมนุษยชน” “ปาฐกถาฟรี” ในเว็บข่าว หรือทำการบล็อกผู้เข้าชมในเว็บไซต์ “เหตุการณ์ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน” “ลัทธิฝ่าหลุนกง” ฯลฯ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า “ระบบทุนนิยมแบบตะวันตกที่ป่าเถื่อนกำลังเคลื่อนเข้ามาในดินแดนโลกไซเบอร์ ของจีนจริงๆแล้ว” นักวิเคราะห์มองว่า ตลาดอินเตอร์เน็ตในจีนกำลังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง และเป็นโอกาสให้กับทุกคน ไม่ว่าศิลปินต้มตุ๋น เซลล์แมนขายน้ำมัน ไปจนถึงอาชญากรตัวฉกาจที่จะเปลี่ยนผู้บริโภคให้เป็นเหยื่อ และนักลงทุนจีนที่เปิดเว็บไซต์ดาวน์โหลดเพลงและหนังผิดกฎหมาย ได้ขยายสินค้าไปสู่บริการทางเพศ ยาเสพติด รถเถื่อน อาวุธและแม้แต่อวัยวะเพื่อการปลูกถ่าย รายงานข่าวชี้ว่า เว็บเถื่อนหลายแห่งหลอกลวงผู้ใช้โดยสร้างทางเข้าแฝงไว้ในเว็บไซต์ที่น่า เชื่อถือ เช่น ธนาคารพาณิชย์ของจีน หรือบางเว็บเสนอขายสินค้าอย่างโจ๋งครึ่ม อาทิ เว็บต้มตุ๋นมืออาชีพเสนอขายอุปกรณ์ดักฝัง เครื่องปลอมบัตรเครดิต และเครื่องมือโกงตู้สล็อตแมชชีน เว็บไซต์ดาวน์โหลดวีดิโอโป๊และเว็บสนทนาเปลือย ด้วยค่าบริการ 2 ดอลลาร์ต่อเดือน เว็บไซต์ขายยาปลุกเซ็กซ์ หรือแม้แต่ในหน้าข่าวของเว็บไซต์สำนักข่าวทางการของจีน ในบรรทัดล่างสุดก็ยังมีช่องทางเชื่อมไปสู่ภาพเปลือยดาราดังของจีน เป็นต้น “อินเทอร์เน็ตเป็นกระจกสะท้อนโลกแห่งความจริง ทุกอย่างที่คุณเห็นในโลกแห่งความจริงเกิดขึ้นในอินเทอร์เน็ต” นักวิเคราะห์จากศูนย์ข้อมูลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของจีน หลูเหวยกังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับการค้าขายทางอินเทอร์เน็ตเช่น อาวุธเถื่อน สเปรย์พริกไท เครื่องลักลอบดูดไฟ ‘ยาวิเศษ’ ที่อ้างว่าสามารถรักษาโรคเอดส์และมะเร็งได้ โดยปลอมใบอนุญาตของรัฐบาลมาการันตี หรือแม้แต่การขายอวัยวะ ตัวอย่างเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์อีเบย์ในจีนรายหนึ่งเสนอให้มีการประมูล ไตและตับของเขาเพื่อหารายได้ 100,000 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ทางอีเบย์ออกมาโต้ว่า ไม่มีการอนุญาตให้ขายอวัยวะมนุษย์ในเว็บท่าแห่งนี้ และทางเข้ากระทู้ดังกล่าวก็ถูกลบออกไปในทันที นักวิเคราะห์แห่งวอลสตรีทกล่าวว่า จีนอาจเป็นผู้นำในโลกธุรกิจออนไลน์ภายในปี 2010 ด้วยรายได้จากค่าโฆษณา การค้าทางอินเทอร์เน็ต การลงทะเบียนฟรีและบริการผิดกฎหมาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ของจีนเผยว่า ทางการได้ปิดเว็บเถื่อนที่ขายบริการทางเพศและการพนันไปแล้วกว่า 2,000 เว็บในช่วงไม่กี่ปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีเว็บใหม่ๆที่แอบเปิดให้บริการอยู่ทุกวัน ทั้งนี้ จากการสำรวจของศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า การทะลักของเว็บเถื่อนเป็นผลมาจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่าง มาก โดยในจีนมีเซอร์ฟเวอร์เว็บรองจากสหรัฐอเมริกา 110 ล้านเซอร์ฟเวอร์ และเมื่อปีที่แล้ว ยังมีรายได้จากการออนไลน์เป็นเงินถึง 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากขึ้นจากปีก่อนหน้า 58 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดี แม้ว่ารัฐบาลจะมีการระบุโทษกับผู้เปิดบริการทางอินเทอร์เน็ตแบบผิดกฎหมาย โดยต้องโทษจำคุก 3-10 ปี แต่นักวิเคราะห์มองว่า เว็บไซต์ส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกปิด และทางการเอาจริงกับเว็บเถื่อนเพียงปีละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น ไม่เป็นผลแต่อย่างใด ในขณะที่เว็บไซต์เพื่อความบันเทิงยังคงเป็นที่นิยมและเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เข้าสู่เว็บเถื่อนรูปแบบต่างๆ ริชาร์ด จี๋ นักวิเคราะห์แห่งมอร์แกน สแตนเลย์ ชี้ว่า “การจราจรในอินเทอร์เน็ตถูกผูกขาดโดยกลุ่มวัยรุ่น พวกเขาแสวงหาเกม การนัดคู่ ชุมชนทางเน็ต และความบันเทิง ผลวิจัยยังพบว่า 38 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศเข้ามาเพื่อค้นหาความบันเทิง” “บริการทางอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความบันเทิง สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำนอกจากหาเงินแล้ว ก็คือการสร้างความบันเทิงให้กับตัวเอง” ผางเซิ่งตง ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ‘51 ดอทคอม’ ที่มีผู้ใช้บริการในจีนกว่า 3 ล้านคนกล่าว .

ที่มา http://www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?t=38522

ความแตกต่างระหว่าง IE7 และ IE8


IE7 และ IE8 แตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างระหว่าง IE7 และ IE8

Internet Explorer 8 หรือ IE8 เริ่มตั้งแต่ข่าวไมโครซอฟท์ส่งอินไวท์เชิญผู้ทดสอบ จนถึงสกรีนช็อตของบางส่วน เช่น หน้าติดตั้ง เปรียบเทียบเมนู ดูข่าวที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาหรือ interface แบบผ่านๆ และไม่เก็บมาเขียนเพราะว่ายังเร็วเกินไป เร็วเกินไปที่จะสรุปว่า IE8 จะหน้าตาออกมาอย่างไร แต่ให้ความสนใจกับเรื่องหลัก 2-3 เรื่อง อย่างเช่น การรองรับมาตรฐานเว็บในปัจจุบัน คุณสมบัติใหม่ และการแก้ไขบักบางอย่างในเวอร์ชั่นเก่า ส่วนหน้าตานั้นเบื้องต้นคิดว่าคงไม่ไปไกลกว่า IE7มากนัก และโดยปกติช่วงเบต้าต้นๆ ไมโครซอฟท์จะเน้นด้านคุณสมบัติเป็นหลัก ไว้ใกล้ๆ ไฟนอลเราจึงจะเห็นหน้าตาที่ชัดเจน ไมโครซอฟท์ประกาศผ่าน PressPass และให้รายละเอียดเพิ่มติมใน IE Blog เกี่ยวกับ Interoperability Principles ของ IE8 ซึ่งหมายการทำงานร่วมกับมาตรฐานต่างๆ ที่มีในปัจจุบัน (Standards mode) และเว็บที่เขียนด้วยมาตรฐานที่ตกยุคไปแล้ว (Quirks mode) เพื่อให้การแสดงผลเว็บถูกต้อง แต่เดิมไมโครซอฟท์มีแผนจะใช้ แท็ก เพื่อสนับสนุนมาตรฐานปัจจุบันใน IE8 แต่ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงแนวคิด โดยเบื้องต้น IE8 จะสนับสนุนมาตรฐาน rendering mode ใน 3 รูปแบบ หรือ 3 mode Mode ที่สนับสนุน Web standards ในปัจจุบัน เป็น mode ล่าสุด Mode ที่สนับสนุน Web standards ในช่วงที่ไมโครซอฟท์ปล่อย IE 7 ในปี 2549 หรือ เรียกว่ามาตรฐานของ IE7 Mode ที่สนับสนุน rendering methods สำหรับเว็บตกยุค มาตรฐานเว็บในยุคต้นๆ Dean Hachamovitch ให้เหตุผลในการตัดสินใจในการคงมาตรฐานการ render ของ IE7 ไว้เพื่อให้มีผลกระทบต่อเว็บน้อยสุด และช่วยให้การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่มาตรฐานใหม่ราบรื่นขึ้น พื้นฐานของการตัดสินใจนี้มาจากการผลสะท้อนในช่วงทดสอบและพัฒนา IE7 เมื่อมี Mode มาตรฐานเพิ่มขึ้นมา 2 mode คำถามทางเทคนิคจึงมีอยู่ว่า IE8 จะเลือก mode ไหนระหว่าง Standard Mode ของ IE8 กับ Standard Mode ของ IE7 ในการแสดงผลเว็บ เรื่องนี้ Dean ขยายความไว้ว่า ความคิดเบื้องต้นก่อนนี้ไมโครซอฟท์เลือกให้ IE8 แสดงผลด้วยมาตรฐานของ IE7 เป็นหลัก และให้นักพัฒนาเพิ่มแท็กพิเศษสำหรับเรียกมาตรฐานของ IE8 โดยใช้ความเข้ากัน (compatibility) เป็นฐานในการตัดสินใจ หลังรับฟังความคิดเห็นและยึดหลัก Interoperability Principles ไมโครซอฟท์เปลี่ยนรูปแบบโดยให้ IE8 เรียกใช้มาตรฐานของ IE8 เป็นหลักในการ render เว็บ ส่วนเว็บใดที่ต้องการใช้มาตรฐานของ IE7 จำเป็นต้องใส่แท็กพิเศษลงไป ซึ่งมีอธิบายไว้ใน “Beyond DOCTYPE: Web Standards, Forward Compatibility, and IE8” โดยส่วนตัวผมมีคำถามใหญ่หลายข้อที่ยังรู้สึกกำกวมในการอธิบายของ Dean โดยเฉพาะในนิยามของคำว่ามาตรฐานปัจจุบัน ไมโครซอฟท์มีแผนหรือท่าทีอย่างไรต่อ (บางส่วน) ของมาตรฐานใหม่ที่กำลังจะมีใช้ อย่างเช่น CSS3 HTML5 รวมไปถึงบักน่ารำคาญที่บ่อยครั้งภาพ .jpg กลายเป็น .bmp เมื่อจะบันทึก

  • หนึ่งในความสามารถโดดเด่นของ IE8 ที่เพิ่มจาก IE7 เวอร์ชันก่อนหน้านี้คือ accelerator ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้คลิกขวาบนที่อยู่หรือเนื้อหาบริการออนไลน์อื่นๆ เพื่อสั่งค้นหาข้อมูลนั่นๆบนแผนที่ เว็บล็อก หรือเว็บไซต์อื่นๆได้ทันที นอกจากนี้ ผู้ใช้ IE8 ยังสามารถพิมพ์คีย์เวิร์ดลงในแอดเดรสบาร์เพื่อสืบค้นลิงก์ที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องเข้าสู่เว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้นให้ยุ่งยาก ขณะเดียวกันก็มีการป้องกันความปลอดภัยเต็มที่ด้วยการแสดงข้อความเตือนให้ผู้ใช้รู้ตัวว่ากำลังดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายอยู่

ที่มา http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9520000031512

Link Microsoft

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Extranet


เอกซ์ทราเน็ต (Extranet)

เครือข่ายภายนอกองค์กร หรือ เอกซ์ทราเน็ต (Extranet) คือระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายภายใน
องค์กร หรือ อินทราเน็ต (Intranet) เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกองค์กร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ของสาขาของผู้จัดจำหน่าย หรือของลูกค้า เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายอาจเป็นได้ทั้งการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่าง 2 จุด หรือการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายเสมือน (Virtual Network) ระหว่างระบบอินทราเน็ตหลาย ๆ เครือข่ายผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ระบบเครือข่ายแบบเอกซ์ทราเน็ต โดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะสมาชิกขององค์กร หรือผู้ที่ได้รับสิทธิในการใช้งานเท่านั้น โดยผู้ใช้จากภายนอกที่เชื่อมต่อเข้ามาผ่านเครือข่ายเอกซ์ทราเน็ต อาจถูกแบ่งเป็นประเภท ๆ เช่น ผู้ดูแลระบบ สมาชิก คู่ค้า หรือผู้สนใจทั่วๆ ไป เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้แต่ละกลุ่มจะได้รับสิทธิในการเข้าใช้งานเครือข่ายที่แตกต่างกันไป

ประโยชน์ของอินทราเน็ต
ประโยชน์ของการนำอินทราเน็ตมาใช้ในองค์กรต่างๆ คือ
1. ลดต้นทุนในการบริหารข่าวสาร เนื่องจากการจัดเก็บข่าวสารต่างๆ ภายในองค์กร สามารถจัดเก็บอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้ภาษา HTML และใช้บราวเซอร์ในการอ่านเอกสาร ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการจัดพิมพ์เอกสารกระดาษ
2. ช่วยให้ได้รับข่าวสารที่ใหม่ล่าสุดเสมอ เนื่องจากการจัดเก็บข่าวสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเหมือนการพิมพ์ลงกระดาษ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้บุคลากรในองค์กรสามารถรับข่าวสารใหม่ล่าสุดได้เสมอ
3. ช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างฉับไว ไม่ว่าบุคลากรจะอยู่ห่างกันคนละชั้น คนละตึก หรือคนละจังหวัด ด้วยการใช้เทคโนโลยีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีการคุยติดต่อผ่านแป้นพิมพ์ หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีประชุมทางไกล เป็นการช่วยลดการสูญเสียเวลาของบุคลากร ตลอดจนช่วยให้ทีมงานมีการประสานงานกันดีขึ้น
4. เสียค่าใช้จ่ายต่ำ การติดตั้งอินทราเน็ตจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการติดตั้งซอฟท์แวร์การทำงานแบบกลุ่ม (Workgroup software) ทั่วไปมาก เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีแบบเปิดของอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้ซอฟท์แวร์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตที่มีราคาไม่สูงนัก หรือในงานบางส่วนอาจไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เนื่องจากมีแชร์แวร์และฟรีแวร์อยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้หากองค์กรมีระบบเครือข่ายภายในอยู่แล้ว การติดตั้งระบบอินทราเน็ตเพิ่มเติมจะเสียค่าใช้จ่ายต่ำมาก เนื่องจากสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่แล้วได้ทันทีตามคุณสมบัติการใช้งานข้ามระบบ (cross platform) ที่แตกต่างกันได้ของอินเทอร์เน็ต
5. เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีเปิด ทำให้องค์กรไม่ผูกติดอยู่กับผู้ค้ารายใดรายหนึ่ง จึงช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ เช่น ผู้ค้าเลิกกิจการ ผู้ค้าเลิกการผลิตและสนับสนุน หรือผู้ค้าขึ้นราคา เป็นต้น รวมทั้งช่วยให้สามารถหาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่จะมาช่วยในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งผู้ผลิตเพียงรายเดียว
6. เตรียมความพร้อมขององค์กรที่จะเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ทันที รวมทั้งเป็นการเตรียมความรู้ของบุคลากรเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตด้วย
เสริมศัพท์การเข้ารหัส (Encryption) เป็นการแปลงข้อมูลให้อยู่รูปที่เป็นรหัสลับ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตทำการอ่านข้อมูลนั้น นิยมใช้ในการส่งข้อมูลที่สำคัญผ่านระบบเครือข่าย เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลทางการค้า เป็นต้น ผู้ที่ได้รับข้อมูลที่เข้ารหัสนี้จะสามารถอ่านข้อมูลต้นฉบับได้โดยผ่านกระบวนการการถอดรหัส (Decryption) ด้วยรหัสผ่าน (password) หรือรหัสเฉพาะที่เป็นกุญแจ (key)
องค์ประกอบของอินทราเน็ต
จากนิยามจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของอินทราเน็ตจะคล้ายคลึงกับอินเทอร์เน็ตอย่างมาก เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ตมาใช้งานนั่นเอง โดยอินทราเน็ตที่ดีควรประกอบด้วย
1. การใช้โปรโตคอล TCP/IP เป็นโปรโตคอลสำหรับติดต่อสื่อสารภายในเครือข่าย
2. ใช้ระบบ World Wide Web และโปรแกรมบราวเซอร์ในการแสดงข้อมูลข่าวสาร
3. มีระบบอีเมล์สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคลากรในองค์กร รวมทั้งอาจมีระบบนิวส์กรุ๊ปส์ เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้ของบุคลากร
4. ในกรณีที่มีการเชื่อมต่อระบบอินทราเน็ตในองค์กรเข้ากับอินเทอร์เน็ต จะต้องมีระบบไฟร์วอลล์ (Firewall) ซึ่งเป็นระบบป้องกันอันตรายจากผู้ไม่หวังดีที่ติดต่อเข้ามาจากอินเทอร์เน็ต โดยระบบไฟร์วอลล์จะช่วยกลั่นกรองให้ผู้ที่ติดต่อเข้ามาใช้งานได้เฉพาะบริการและพื้นที่ในส่วนที่อนุญาตไว้เท่านั้น รวมทั้งช่วยป้องกันนักเจาะระบบ (hacker) ที่จะทำการขโมยหรือทำลายข้อมูลในระบบเครือข่ายขององค์กรด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ส่งอาจารย์

ชื่อ นายดุลยวิทย์ มะปูเลาะ ชื่อเล่น ดุล

เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขา สถิติ

รหัสนักศึกษา 1152109030922



บทความที่น่าสนใจ




หลังจาก ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานสโมสรของทีม "ราชันย์ชุดขาว" รีล มาดริด
เพียงไม่กี่วัน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ทำได้ตามที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อตอนหาเสียง ด้วยการเซ็นสัญญากับนักเตะระดับโลกอย่าง กาก้า มิดฟิลด์เลือดแซมบ้าของ เอซี มิลาน มาร่วมทีม
กาก้า วัย 27 ปี กลายมาเป็นขุนพลคนใหม่ของทีม "ราชันย์ชุดขาว"

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 68 ล้านยูโร ทำสถิติเป็นนักเตะที่มีค่าตัวการย้ายทีมมากเป็นที่ 2 ของโลก โดย 5 อันดับแรกของนักเตะที่ค่าตัวสุดแพงมีดังนี้
1. ซีเนดีน ซีดาน ย้ายจาก ยูเวนตุส ไป รีล มาดริด ค่าตัว 75 ล้านยูโร
2. ริคาร์โด้ กาก้า ย้ายจาก เอซี มิลาน ไป รีล มาดริด ค่าตัว 68 ล้านยูโร
3. หลุยส์ ฟิโก้ ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไป รีล มาดริด ค่าตัว 61 ล้านยูโร
4. เฮอร์นัน เครสโป ย้ายจาก ปาร์ม่า ไป ลาซิโอ ค่าตัว 56 ล้านยูโร
5. กาอิซก้า เมนดิเอต้า ย้ายจาก บาเลนเซีย ไป ลาซิโอ ค่าตัว 48 ล้านยูโร
คำถามก็คือ ทำไมต้องเป็นกาก้า
กาก้า เริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งกับ เซาเปาโล ทีมดังของบ้านเกิดเมื่อปี 2001 หลังจากนั้น ฟอร์มการเล่นก็ไปเข้าตาแมวมองของ เอซี มิลาน เข้า ทำให้ยอดทีมของอิตาลี ควักกระเป๋า 8.5 ล้านยูโรคว้าตัวมาร่วมทีม และฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกับ มิลาน นี่เอง ที่ทำให้ กาก้า คว้ารางวัล บัลลงดอร์ ไปครองได้ในปี 2007 และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของฟีฟ่ามาครองได้ในปีเดียวกัน
การเล่นที่คงเส้นคงวาบวกกับภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ทั้งในและนอกสนามของกาก้า ทำให้เขาตกเป็นที่หมายตาของหลายสโมสร เพราะมีแนวโน้มว่าจะได้ทั้ง "เงิน" ทั้ง "กล่อง"
กาก้า มี "มูลค่าการตลาด" เป็นรองแค่ เดวิด เบ๊กแฮม เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ด้วยค่าตัวที่แพงระยับ บวกกับค่าเหนื่อยมหาศาล 12 ล้านยูโรต่อฤดูกาลของ กาก้า ทำให้หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า ทีม "ชุดขาว" จะได้กำไรจากการทำธุรกิจในครั้งนี้เมื่อไหร่
บ้างก็ว่าดูจะเป็นการลงทุนที่มองไม่เห็นหนทางได้กำไรเลย
แต่ ไซม่อน แชดวิก ผู้เชี่ยวชาญของ เวเบอร์ แชนด์วิก สปอร์ต บริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ในแวดวงกีฬาก็เชื่อมั่นว่าการซื้อนักเตะของ รีล มาดริด ในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจากการวิเคราะห์แล้วเชื่อว่า กาก้าจะทำเงินให้ทีมได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ล้านดอลลาร์
ตอนที่ เบ๊กแฮม ย้ายมา รีล มาดริด นั้น แค่ 6 เดือนแรกสโมสรก็ขายเสื้อไปได้กว่า 1 ล้านตัว
กาก้า ก็คงไม่แพ้กันนักหรอก
และถ้า รีล มาดริดได้ตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มิดฟิลด์จอมลีลาของทีม "ผีแดง" แมนฯ ยู มาเสริมทัพอีก ก็จะเพิ่มรายได้ให้สโมสรอีกปีละ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ