วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Extranet


เอกซ์ทราเน็ต (Extranet)

เครือข่ายภายนอกองค์กร หรือ เอกซ์ทราเน็ต (Extranet) คือระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายภายใน
องค์กร หรือ อินทราเน็ต (Intranet) เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกองค์กร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ของสาขาของผู้จัดจำหน่าย หรือของลูกค้า เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายอาจเป็นได้ทั้งการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่าง 2 จุด หรือการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายเสมือน (Virtual Network) ระหว่างระบบอินทราเน็ตหลาย ๆ เครือข่ายผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ระบบเครือข่ายแบบเอกซ์ทราเน็ต โดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะสมาชิกขององค์กร หรือผู้ที่ได้รับสิทธิในการใช้งานเท่านั้น โดยผู้ใช้จากภายนอกที่เชื่อมต่อเข้ามาผ่านเครือข่ายเอกซ์ทราเน็ต อาจถูกแบ่งเป็นประเภท ๆ เช่น ผู้ดูแลระบบ สมาชิก คู่ค้า หรือผู้สนใจทั่วๆ ไป เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้แต่ละกลุ่มจะได้รับสิทธิในการเข้าใช้งานเครือข่ายที่แตกต่างกันไป

ประโยชน์ของอินทราเน็ต
ประโยชน์ของการนำอินทราเน็ตมาใช้ในองค์กรต่างๆ คือ
1. ลดต้นทุนในการบริหารข่าวสาร เนื่องจากการจัดเก็บข่าวสารต่างๆ ภายในองค์กร สามารถจัดเก็บอยู่ในรูปอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่ายดาย ด้วยการใช้ภาษา HTML และใช้บราวเซอร์ในการอ่านเอกสาร ทำให้ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการจัดพิมพ์เอกสารกระดาษ
2. ช่วยให้ได้รับข่าวสารที่ใหม่ล่าสุดเสมอ เนื่องจากการจัดเก็บข่าวสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากเหมือนการพิมพ์ลงกระดาษ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้บุคลากรในองค์กรสามารถรับข่าวสารใหม่ล่าสุดได้เสมอ
3. ช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างฉับไว ไม่ว่าบุคลากรจะอยู่ห่างกันคนละชั้น คนละตึก หรือคนละจังหวัด ด้วยการใช้เทคโนโลยีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีการคุยติดต่อผ่านแป้นพิมพ์ หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีประชุมทางไกล เป็นการช่วยลดการสูญเสียเวลาของบุคลากร ตลอดจนช่วยให้ทีมงานมีการประสานงานกันดีขึ้น
4. เสียค่าใช้จ่ายต่ำ การติดตั้งอินทราเน็ตจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการติดตั้งซอฟท์แวร์การทำงานแบบกลุ่ม (Workgroup software) ทั่วไปมาก เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีแบบเปิดของอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้ซอฟท์แวร์ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ตที่มีราคาไม่สูงนัก หรือในงานบางส่วนอาจไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เนื่องจากมีแชร์แวร์และฟรีแวร์อยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้หากองค์กรมีระบบเครือข่ายภายในอยู่แล้ว การติดตั้งระบบอินทราเน็ตเพิ่มเติมจะเสียค่าใช้จ่ายต่ำมาก เนื่องจากสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่แล้วได้ทันทีตามคุณสมบัติการใช้งานข้ามระบบ (cross platform) ที่แตกต่างกันได้ของอินเทอร์เน็ต
5. เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีเปิด ทำให้องค์กรไม่ผูกติดอยู่กับผู้ค้ารายใดรายหนึ่ง จึงช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ เช่น ผู้ค้าเลิกกิจการ ผู้ค้าเลิกการผลิตและสนับสนุน หรือผู้ค้าขึ้นราคา เป็นต้น รวมทั้งช่วยให้สามารถหาซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่จะมาช่วยในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งผู้ผลิตเพียงรายเดียว
6. เตรียมความพร้อมขององค์กรที่จะเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ทันที รวมทั้งเป็นการเตรียมความรู้ของบุคลากรเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตด้วย
เสริมศัพท์การเข้ารหัส (Encryption) เป็นการแปลงข้อมูลให้อยู่รูปที่เป็นรหัสลับ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตทำการอ่านข้อมูลนั้น นิยมใช้ในการส่งข้อมูลที่สำคัญผ่านระบบเครือข่าย เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลทางการค้า เป็นต้น ผู้ที่ได้รับข้อมูลที่เข้ารหัสนี้จะสามารถอ่านข้อมูลต้นฉบับได้โดยผ่านกระบวนการการถอดรหัส (Decryption) ด้วยรหัสผ่าน (password) หรือรหัสเฉพาะที่เป็นกุญแจ (key)
องค์ประกอบของอินทราเน็ต
จากนิยามจะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของอินทราเน็ตจะคล้ายคลึงกับอินเทอร์เน็ตอย่างมาก เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ตมาใช้งานนั่นเอง โดยอินทราเน็ตที่ดีควรประกอบด้วย
1. การใช้โปรโตคอล TCP/IP เป็นโปรโตคอลสำหรับติดต่อสื่อสารภายในเครือข่าย
2. ใช้ระบบ World Wide Web และโปรแกรมบราวเซอร์ในการแสดงข้อมูลข่าวสาร
3. มีระบบอีเมล์สำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคลากรในองค์กร รวมทั้งอาจมีระบบนิวส์กรุ๊ปส์ เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้ของบุคลากร
4. ในกรณีที่มีการเชื่อมต่อระบบอินทราเน็ตในองค์กรเข้ากับอินเทอร์เน็ต จะต้องมีระบบไฟร์วอลล์ (Firewall) ซึ่งเป็นระบบป้องกันอันตรายจากผู้ไม่หวังดีที่ติดต่อเข้ามาจากอินเทอร์เน็ต โดยระบบไฟร์วอลล์จะช่วยกลั่นกรองให้ผู้ที่ติดต่อเข้ามาใช้งานได้เฉพาะบริการและพื้นที่ในส่วนที่อนุญาตไว้เท่านั้น รวมทั้งช่วยป้องกันนักเจาะระบบ (hacker) ที่จะทำการขโมยหรือทำลายข้อมูลในระบบเครือข่ายขององค์กรด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ส่งอาจารย์

ชื่อ นายดุลยวิทย์ มะปูเลาะ ชื่อเล่น ดุล

เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขา สถิติ

รหัสนักศึกษา 1152109030922



บทความที่น่าสนใจ




หลังจาก ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานสโมสรของทีม "ราชันย์ชุดขาว" รีล มาดริด
เพียงไม่กี่วัน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ก็ทำได้ตามที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาเอาไว้เมื่อตอนหาเสียง ด้วยการเซ็นสัญญากับนักเตะระดับโลกอย่าง กาก้า มิดฟิลด์เลือดแซมบ้าของ เอซี มิลาน มาร่วมทีม
กาก้า วัย 27 ปี กลายมาเป็นขุนพลคนใหม่ของทีม "ราชันย์ชุดขาว"

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 68 ล้านยูโร ทำสถิติเป็นนักเตะที่มีค่าตัวการย้ายทีมมากเป็นที่ 2 ของโลก โดย 5 อันดับแรกของนักเตะที่ค่าตัวสุดแพงมีดังนี้
1. ซีเนดีน ซีดาน ย้ายจาก ยูเวนตุส ไป รีล มาดริด ค่าตัว 75 ล้านยูโร
2. ริคาร์โด้ กาก้า ย้ายจาก เอซี มิลาน ไป รีล มาดริด ค่าตัว 68 ล้านยูโร
3. หลุยส์ ฟิโก้ ย้ายจาก บาร์เซโลน่า ไป รีล มาดริด ค่าตัว 61 ล้านยูโร
4. เฮอร์นัน เครสโป ย้ายจาก ปาร์ม่า ไป ลาซิโอ ค่าตัว 56 ล้านยูโร
5. กาอิซก้า เมนดิเอต้า ย้ายจาก บาเลนเซีย ไป ลาซิโอ ค่าตัว 48 ล้านยูโร
คำถามก็คือ ทำไมต้องเป็นกาก้า
กาก้า เริ่มต้นอาชีพพ่อค้าแข้งกับ เซาเปาโล ทีมดังของบ้านเกิดเมื่อปี 2001 หลังจากนั้น ฟอร์มการเล่นก็ไปเข้าตาแมวมองของ เอซี มิลาน เข้า ทำให้ยอดทีมของอิตาลี ควักกระเป๋า 8.5 ล้านยูโรคว้าตัวมาร่วมทีม และฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นกับ มิลาน นี่เอง ที่ทำให้ กาก้า คว้ารางวัล บัลลงดอร์ ไปครองได้ในปี 2007 และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของฟีฟ่ามาครองได้ในปีเดียวกัน
การเล่นที่คงเส้นคงวาบวกกับภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ทั้งในและนอกสนามของกาก้า ทำให้เขาตกเป็นที่หมายตาของหลายสโมสร เพราะมีแนวโน้มว่าจะได้ทั้ง "เงิน" ทั้ง "กล่อง"
กาก้า มี "มูลค่าการตลาด" เป็นรองแค่ เดวิด เบ๊กแฮม เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ด้วยค่าตัวที่แพงระยับ บวกกับค่าเหนื่อยมหาศาล 12 ล้านยูโรต่อฤดูกาลของ กาก้า ทำให้หลายคนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า ทีม "ชุดขาว" จะได้กำไรจากการทำธุรกิจในครั้งนี้เมื่อไหร่
บ้างก็ว่าดูจะเป็นการลงทุนที่มองไม่เห็นหนทางได้กำไรเลย
แต่ ไซม่อน แชดวิก ผู้เชี่ยวชาญของ เวเบอร์ แชนด์วิก สปอร์ต บริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ในแวดวงกีฬาก็เชื่อมั่นว่าการซื้อนักเตะของ รีล มาดริด ในครั้งนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะจากการวิเคราะห์แล้วเชื่อว่า กาก้าจะทำเงินให้ทีมได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ล้านดอลลาร์
ตอนที่ เบ๊กแฮม ย้ายมา รีล มาดริด นั้น แค่ 6 เดือนแรกสโมสรก็ขายเสื้อไปได้กว่า 1 ล้านตัว
กาก้า ก็คงไม่แพ้กันนักหรอก
และถ้า รีล มาดริดได้ตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มิดฟิลด์จอมลีลาของทีม "ผีแดง" แมนฯ ยู มาเสริมทัพอีก ก็จะเพิ่มรายได้ให้สโมสรอีกปีละ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ